简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
มือใหม่จดเลย ! ทำความรู้จักเทคนิคการเทรดด้วย Moving Average (EMA50)
บทคัดย่อ:มือใหม่จดเลย ! ทำความรู้จักเทคนิคการเทรดด้วย Moving Average (EMA50)

เส้น Moving Average เป็น Indicator ที่บ่งบอกเเนวรับเเละเเนวต้าน ของเเนวโน้มราคาโดยที่เส้น Moving Average จะเคลื่อนที่ตามเเนวโน้มราคาไปเรื่อย ๆ เเละเรามีความเชื่อว่า ถ้ากราฟราคาพุ่งขึ้นหรือพุ่งลงไปไกล ๆ ยังไงกราฟก็ต้องมีจังหวะย่อมาหาเส้นค่าเฉลี่ยอยู่เสมอ (ใช้ความหน้าจะเป็นนะคะ ไม่เสมอไปที่กราฟจะกลับมาหาเส้น MA)
ตัวอย่าง
การใช้เส้น MA50
ในตัวอย่างเราจะเห็นกราฟได้ Breakout เทรนไลน์และเส้น MA ลงมาทำให้บ่งบอกว่ากราฟมีโอกาสที่จะเปลี่ยนจากแนวโน้มขาขึ้นเปลี่ยนเป็นขาลงได้ แล้วจังหวะแบบนี้เราควรเทรดอย่างไรดีละ..? กราฟลงมาเยอะแล้วสวนขึ้นไปดีไหม..? คำตอบคือไม่ เราจะรอให้กราฟย่อขึ้นมาเทสเส้น MA50 อีกรอบ
หลังจากที่เรารอกราฟขึ้นมาเสเส้น MA Step ต่อมา เราก็จะวางแผนการเข้าออเดอร์ ในจุดนี้เราสามารถใช้เทคนิคอื่นเข้ามาช่วยตัดสินได้ เช่น PA, Divergence แบบนี้
แต่ในตัวอย่างนี้เราเข้าเทรดเพราะมันมาชนเส้น MA เราจึงเข้า Order Sell และ SL เหนือเส้น MA50

ตัวอย่าง
หลังจากที่กราฟเทสเส้น MA แล้วลงมา เราสามารถเข้าออเดรอ์ตรงไหนได้บ้าง
จุดแรกคือเข้าที่เส้น MA
จุดที่สองคือเข้าจังหวะกราฟ Breakout 1754.83 เพราะกราฟอยู่ต่ำกว่าเส้น MA บ่งบอกว่ากราฟมีแรงลงสูง

ตัวอย่าง
ในตัวอย่างเราจะเห็นว่ากราฟได้ Breakout เส้น MA และเทรนไลน์ขึ้นมา ได้แสดงให้เห็นว่ากราฟมีโอกาสที่จะกลับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้น เรามาหาจุดเข้ากัน ในตัวอย่างเราจะเห็นว่าเราตกรถแล้ว Step ต่อไป เราจะรอให้กราฟเทสที่เส้น MA50 เพื่อรอเข้าออเดอร์ Buy
และ Step ต่อมา เราจะเห็นว่ากราฟได้ชนกับเส้น MA ในกรณีนี้เราจะเห็นว่ากราฟมีการพักตัวของราคา เราสามารถเข้าได้ 2 กรณีคือ เข้าออเดรอ์ที่เส้น MA เลยหรือรอกราฟ Breakout ขึ้น
ส่วนใหญ่จะเลือกกรณีที่ 2 เพราะอยู่ในช่วงพักตัวทำให้โอกาสที่กราฟจะไปต่อหรือกลับตัวได้ การรอ Breakout ช่วยยืนยัน ว่ากราฟจะมีโอกาสที่จะไปต่อได้

ตัวอย่าง
กราฟได้ Breakout ขึ้นต่อไป เราจะเห็นจุดเข้าอยู่ 2 จุด คือ จังหวะที่กราฟทดสอบเส้น MA และจังหวะ Breakout 1.0759 ในกรณีถ้าเราเจอกราฟฟราคาลักษณะแบบนี้ เราควรจะรอให้กราฟ Breakout ก่อน

ตัวอย่าง
ในตัวอย่างนี้เราจะใช้ Fibo เข้ามาประกอบด้วย เราจะเห็นว่ากราฟได้ Breakout เส้น MA ขึ้นมา ทำให้เรามองว่ากราฟมีแนวโน้มเป็นเทรนด์ขาขึ้น
ที่นี้ Step ต่อมา เรามองแล้วว่าจะรอราคาลงมาเทสเส้น MA ก่อนดีกว่าทีนี้ เราสามารถหาจุดย่อของราคาได้โดยใช้ Fibo เพื่อมาหาจุดย่อของราคา
หลังจากที่กราฟลงมาเทสเส้น MA50 กราฟขึ้นต่อ เราจะเห็นว่ากราฟย่อลงมาเทส 61.8 พร้อมเส้น MA เป็นการยืนยันได้ว่ากราฟมีโอกาสที่จะไปต่อสูง

ตัวอย่าง
เรามาดูจังหวะที่ไม่ควรใช้เส้น MA บ้าง
ในตัวอย่างเราจะเห็นว่ากราฟมีลักศณะที่ SW ซึ่งเมื่อเจอกราฟลักษณะนี้ควรรอให้กราฟเลือกฝั่งก่อน คือการรอ Breakout ทะลุกรอบราคา 1934.31 กับ 1920.79
กราฟได้เลือกทิศทางลง ทำให้เราจึงพิจารณา Sell กราฟอยู่ต่ำเส้น EMA50 เราจึง Bias ไปเลยว่ากราฟหน้าจะลงต่อ

ตัวอย่าง
ในตัวอย่าง เราจะเห็นว่ากราฟได้ Breakout แนวรับ 1773.87 และกราฟราคาอยู่ใต้เส้น MA
เส้น MA ลงมาทำให้บ่งบอกวาสกราฟมีโอกาสที่จะลงต่อ เราก็จะรอให้กราฟราคายกตัวขึ้นมาเทสเส้น MA50
หลังจากที่กราฟขึ้นมาเทสเส้น MA แล้วลงต่อ ในภาพของการเทรด ถ้าเราเข้าไม่ทันจังหวะ เส้น MA ให้เราเทรดจังหวะที่กราฟ Breakout ที่ราคา 1760.74

ตัวอย่าง
ในตัวอย่างเราจะเห็นว่ากราฟได้ Breakout เทรนด์ไลน์และเส้น MA ลงมาทำให้บ่งบอกว่ากราฟมีโอกาสที่จะเปลี่ยนจากแนวโน้มขาขึ้นเปลี่ยนเป็นขาลงได้ เราจะรอให้กราฟราคายกตัวขึ้นมาเทสเส้น MA50
หลังจากที่กราฟเทสเส้น MA แล้ว จุดนี้เป็นจุดที่เราสามารถเข้า Order ได้

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจากเพจ Alice Veronica
แอดเหยี่ยวหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และที่สำคัญก่อนที่จะเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ไหนก็ตาม แอดอยากให้ศึกษารายละเอียดให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง ถือว่าแอดเตือนแล้วนะ!!! อย่าลืมมาตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี !

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

บัญชี ECN คืออะไร? ทางลัดสู่ราคาจริงที่เทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้!
บัญชี ECN (Electronic Communication Network) เป็นระบบเทรดที่ส่งคำสั่งซื้อ–ขายตรงไปยังตลาดกลางหรือผู้ให้สภาพคล่อง ทำให้นักเทรดเห็นราคาจริง (Raw Price) โดยไม่มีการปรับแต่งจากโบรกเกอร์ ข้อดีของบัญชี ECN ได้แก่ ความโปร่งใส สเปรดต่ำ ความเร็วสูง และสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของตลาด ทำให้เหมาะกับกลยุทธ์ Scalping, News Trading หรือ Swing Trading อย่างไรก็ตามบัญชี ECNต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นสูงและมีความผันผวนมาก นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และมีใบอนุญาตครบถ้วน การใช้บัญชี ECNช่วยให้นักเทรดวางกลยุทธ์อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการเบี่ยงเบนของราคา และเข้าถึงตลาด Forex อย่างแท้จริง

เข้าใจคำว่า ‘มาจิ้น’ ผิด ชีวิตเทรดพัง! ควรรู้ให้ลึกก่อนหมดตัว
มาจิ้น (Margin) คือเงินประกันที่นักเทรดต้องฝากกับโบรกเกอร์เพื่อเปิดออเดอร์ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินเต็มจำนวน การเข้าใจมาจิ้นสำคัญเพราะช่วยให้ใช้ leverage ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคุม Lot Size และ Stop Loss เพื่อลดความเสี่ยง Margin Call นักเทรดมืออาชีพใช้มาจิ้นเป็นเครื่องมือจัดการเงินทุน สร้างสมดุลระหว่างกำไรและความเสี่ยง ทำให้พอร์ตสามารถอยู่รอดในตลาดที่ผันผวนได้
WikiFX โบรกเกอร์
Ultima
EC Markets
Exness
STARTRADER
JustMarkets
FOREX.com
Ultima
EC Markets
Exness
STARTRADER
JustMarkets
FOREX.com
WikiFX โบรกเกอร์
Ultima
EC Markets
Exness
STARTRADER
JustMarkets
FOREX.com
Ultima
EC Markets
Exness
STARTRADER
JustMarkets
FOREX.com
